1.C Star (Carbon Star) มี spectral Type C เป็นดาวยักษ์แดงเย็นเฉียบ ผิวของดาวมีองค์ประกอบของคาร์บอน เป็นโมเลกุลพื้นฐาน เช่น คาร์บอนมอนน๊อคไซด์ (CO) ไซยาโนเจน (CN) และโมเลกุลของคาร์บอน (C2) ดาวฤกษ์มวลขนาดดวงอาทิตย์ของเราช่วงที่เป็นดาวยักษ์แดง จะมีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบเช่นกัน เนื่องจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่แกนกลางที่ผลิตคาร์บอนแล้วส่งต่อถึงพื้นผิว | |||||||||||||||||||
2.Calendar (แคล เอ็นเดอะ) ปฏิทิน คือวันใน 1ปีที่ถูกแบ่งย่อยออกเป็นเดือนๆ ตามการปรากฏของดวงอาทิตย์ หรือดวงจันทร์ ปฏิทินถูกคิดขึ้น ครั้งแรกโดย ชาวบาบิโลเนียน โดยใช้การปรากฏของดวงจันทร์ซึ่งมี 29.5 วัน เรียกว่า "ปฏิทินจันทรคติ" แต่มาถูกปรับปรุงให้มีความแม่นยำขึ้น โดยชาวอียิปต์โบราณ โดยใช้ดวงอาทิตย์เป็นหลัก เรียกว่า "ปฏิทินสุริยะคติ" | |||||||||||||||||||
3.Cassegrain Telescope (แคส-ซิ-เกรน) เป็นกล้องสะท้อนแสงอีกชนิดหนึ่งที่มีกระจกหลักเป็นแบบพาราโบลิค สะท้อนภาพกลับไปยังกระจกบานที่สอง (secondary mirror) ที่เป็นกระจกนูน และสะท้อนผ่านรูตรงกลางกระจกหลัก เกิดจุดโฟกัสที่เรียกว่า "Cassegrain Focus" กล้องแบบ Cassegrain นี้ถูกคิดขึ้นครั้งแรกโดย นักบวชชาวฝรั่งเศสชื่อ Laurent Cassegrain เมื่อปีคศ.1629-1693 ดูคำว่า Schmidt-Cassegrain Telescope | |||||||||||||||||||
4.Cassini Division (แคส-ซิ-นี่ ดิวิชั่น) เป็นช่องว่างระหว่างวงแหวน A และ B ของดาวเสาร์ ถูกค้นพบครั้งแรกโดย นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสชื่อ Giovanni Cassini เมื่อปี คศ.1675 แต่ต่อมายานวอยเอเจอร์พบว่า ไม่ได้เป็นช่องว่างแท้จริง แต่ประกอบด้วยวงแหวนเล็กๆอีกนับร้อยวง | |||||||||||||||||||
5.Cassini Spacecraft เป็นยานอวกาศสำรวจดาวเสาร์และบริวารไททัน เป็นความร่วมมือกันระหว่างองค์การนาซ่า(NASA) กับองค์การอวกาศยุโรป (ESA) ปล่อยสู่วงโคจรเมื่อเดือนตุลาคม 1997 ยานแคสซินี่จะโคจรรอบดาวเสาร์ และปล่อยหัวสำรวจชื่อ Huygens สำรวจดวงจันทร์ไททัน และจะเสร็จสิ้นภาระกิจปี คศ.2004 | |||||||||||||||||||
6.Cassiopeia A (แคส-ซ-ิโอ-เปีย- เอ) แหล่งคลื่นวิทยุความเข้มสูงบนท้องฟ้าในกลุ่มดาวแคสซิโอเปีย เป็นซากหลงเหลือจากการระเบิดของซุปเปอร์โนวา เมื่อราว คศ.1660 แต่ไม่มีการบันทึกการเห็นไว้บนโลก ทิ้งซากไว้เป็นเนบิวล่าจางๆ อยู่ห่างจากโลกราว 10,000 ปีแสง | |||||||||||||||||||
7.Catadioptric (คา-ทา-ได-อ๊อป-ตริก) เป็นกล้องโทรทรรศน์อีกชนิดหนึ่งที่รวมเอาหลักการของเลนซ์และกระจกไว้ด้วยกัน โดยมีเลนซ์รวมแสงอยู่ด้านหน้าที่เรียกว่า Correcting plated มีกระจกนูนติดไว้อีกด้านหนึ่งเพื่อสะท้อนภาพจากกระจกหลัก ผ่านรูตรงกลางไปท้ายกระจก คล้ายกับกล้อง Cassegrain เพียงแค่มี Correcting plated เพิ่มด้านหน้าเท่านั้น กล้องแบบนี้ได้แก่ Schmidt-Cassegrain telescope และ Maksutov Telescope | |||||||||||||||||||
8.CCD (charge-coupled device) เป็นสารกึ่งตัวนำ (solid-state) ทางอิเลคทรอนิคที่ทำให้เกิดภาพได้ CCD จะประกอบด้วยขั้วไฟฟ้าขนาดสี่เหลี่ยมเล็กเรียงต่อกันเป็นแผงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เมื่อแสงตกกระทบขั้วไฟฟ้าแต่ละขั้วก็จะเปลี่ยน พลังงานแสงเป็นไฟฟ้า ผ่านขบวนการเพื่อทำให้เกิดเป็นภาพได้ ความละเอียดของภาพขึ้นอยู่กับจำนวนขั้วไฟฟ้านั้นมีหน่วยเป็น พิกเซล กล้องวีดิโอทั่วไปจะมี CCD เป็นส่วนประกอบ แต่ปัจจุบันวงการดาราศาสตร์ใช้ CCD เพื่อการถ่ายภาพแทนฟิล์ม ซึ่งจะทำให้ช่วงเวลาการถ่ายภาพนั้นลดลง | |||||||||||||||||||
9.Celestial Equator (ซี-เลส-เชียน- อิ-เคว-เตอร์) เป็นแนวของเส้นศูนย์สูตรโลก ที่ขยายไปปรากฏบน ทรงกลมท้องฟ้า เรียกว่า เส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า ดังนั้นแนวของเส้นศูนย์สูตรโลก กับ แนวเส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า จะเป็นแนวเดียวกัน | |||||||||||||||||||
10.Celestial Object (ซี-เลส-เชียน ออปเจ็คท์) ใช้เรียกวัตถุที่อยู่บนทรงกลมท้องฟ้า เช่น ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ ดวงจันทร์ ดาวหาง และอื่นๆ รวมทั้งดวงอาทิตย์ | |||||||||||||||||||
11.Celestial sphere (ซี-เลส-เชียน-สเฟียร) ทรงกลมสมมุติของท้องฟ้าที่ล้อมรอบโลกเราไว้ โดยมีโลกอยู่ที่จุดศูนย์กลางและมีรัศมีเป็นอนัตต์ หมุนรอบโลกด้วยแกนที่จุดขั้วฟ้าที่เรียกว่า Celestial Pole โดยมีเส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า (celestial equator) ขนานไปกับเส้นศูนย์สูตรโลกด้วย ดูบทความประกอบ | |||||||||||||||||||
12.Celestial mechanics (ซี-เลส-เชียน-แมค-คา-นิค) สาขาหนึ่งของวิชาดาราศาสตร์ ที่อธิบายถึงการเคลื่อนที่ของวัตถุบนท้องฟ้า โดยใช้กฏ ทางฟิสิกส์ อธิบายแนวการโคจรของดาวเคราะห์ ดาวเทียม และอื่นๆ | |||||||||||||||||||
13.Centaurus A (เซนทอรัส เอ) หรือกาแลกซี่ NGC5128 เป็นกาแลกซี่แหล่งคลื่นวิทยุที่เข้มข้นมาก คาดว่าเกิดจากการชนกันของกาแลกซี่ยักษ์รูปไข่ กับกาแลกซี่เกลียวขนาดเล็ก เมื่อมองด้วยกล้องโทรทรรศน์จะเห็นแถบฝุ่นทึบพาดกลางกาแลกซี่สองแถบ Centaurus A อยู่ห่างจากโลก 10 ล้านปีแสง ในกลุ่มดาวม้าครึ่งคน (Centaurus) | |||||||||||||||||||
14.Chandrasekar Limit ค่าจำกัดจันทราสิกขา เป็นค่าสูงสุดของมวลของดาวแคระขาว (White dwart) มีค่าประมาณ 1.4 เท่าของดวงอาทิตย์ ถ้าดาวฤกษ์มีมวลมากกว่าค่านี้ ดาวจะยุบตัวกลายเป็นดาวนิวตรอน และหลุมดำ ค่าจำกัดจันทราสิกขาถูกคิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี คศ.1931 โดยนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย และเขาได้ตั้งทฤษฏีเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ | |||||||||||||||||||
15.Chandra X-ray Observatory (CXO) หอสังเกตการณ์จันทราเอ็กซเรย์ เป็นดาวเทียมของนาซ่า ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อปีคศ.1999 เป็นดาวเทียมสำรวจท้องฟ้า ช่วงคลื่นรังสีเอ็กซ์ ถูกตั้งชื่อให้เป็นเกียรติกับ Subrahmanyan Chandrasekhar นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย | |||||||||||||||||||
16.Chromosphere (โคร-โมส-เฟียร์) ชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์อยู่ระหว่างชั้น Photoshere กับ Corona มีความหนาประมาณ 10,000 กิโลเมตร อุณหภูมิ 4,000 ถึง 100,000 เคลวิน | |||||||||||||||||||
17.Coma (โคม่า) มี 2 ความหมายคือ 1) เป็นความผิดเพี้ยนของภาพที่ตกกระทบบนเลนซ์ มองเห็นวัตถุเป็นฝ้ารีๆ คล้ายกับหัวของดาวหาง สาเหตุเกิดขึ้นจากมุมตกกระทบของภาพ กับเลนซ์วัตถุ และจะผิดเพี้ยนมากขึ้นเมื่ออยู่ห่างศูนย์กลาง ของมุมมองของภาพมากขึ้นเช่นกัน 2) เป็นกลุ่มก๊าซหรือฝุ่นละอองที่อยู่รอบๆ แกนกลางของดาวหาง | |||||||||||||||||||
18.Conjunction (คอน-จัง-ชั่น) หรือตำแหน่งร่วม ดูเรื่อง Elongation | |||||||||||||||||||
19.Constellation (คอน-สเตล-เล-ชั่น) หรือกลุ่มดาวบนท้องฟ้า เป็นกลุ่มของดาวฤกษ์บนท้องฟ้าที่มนุษย์จิตนาการไว้เป็นรูปร่างต่างๆ เพื่อง่ายต่อการจดจำ เริ่มใช้ครั้งแรกในยุคสมัยของ Ptolemy มีอยู่ด้วยกัน 44 กลุ่ม ปัจจุบัน IAU แบ่งกลุ่มดาวบนท้องฟ้าออกเป็น 88 กลุ่ม และกำหนดขอบเขตที่แน่นอนเมื่อปี คศ.1930 จากกลุ่มดาวขนาดเล็กสุดคือกลุ่มดาวกางเขนใต้ (Crux) จนถึงกลุ่มดาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือกลุ่มดาวงูไฮดรา (Hydra) | |||||||||||||||||||
20.Coordinates (โค-ออ-ดิ-เนท) หรือระบบพิกัด เป็นระบบที่ใช้สำหรับอ้างอิงตำแหน่งของวัตถุท้องฟ้า ในทางดาราศาสตร์นิยม ใช้กันอยู่สองแบบคือ 1.ระบบขอบฟ้า (The Horizontal system) หรือ บางทีเรียกว่าระบบอัลติจูดและอะซิมุท (Altitude and Azimuth system) อัลติจูด (Altitude) หรือ มุมเงย เป็นมุมที่วัดจากเส้นขอบฟ้า คือ 0 องศา ขี้นไปจนถึงจุดเหนือศีรษะ Zenith คือ 90 องศา อะซิมุท (Azimuth) เป็นทิศทางตามแนวเส้นขอบฟ้า Horizontal Line เริ่มต้นจากทิศเหนือ 0 องศา ไปตามแนวทิศ ตะวันออก ทิศใต้ ทิศตะวันตก กลับมาที่ทิศเหนือ ครบรอบ 360 องศา การบอกตำแหน่งด้วยวิธีนี้ จะบอกเป็นค่ามุมเงย และ มุมอะซิมุท พร้อมกัน มีหน่วยเป็นองศา และการบอกตำแหน่งระบบนี้ จะใช้ได้กับผู้สังเกตุที่อยู่บนเส้นละติจูดเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน ( ลองจิจูดเดียวกัน) เท่านั้น เช่นขณะนี้ดาวหางอยู่ที่ตำแหน่ง มุมอัลติจูด 45 องศา มุมอะซิมุท 270 องศา เป็นต้น 2. ระบบศูนย์สูตร (Equatorial System) เป็นระบบที่จำลองมาจากการบอกตำแหน่งบนพื้นโลกด้วยเส้น ละติจูด และ ลองจิจูด โดยที่บนท้องฟ้าเราจะบอกตำแหน่งเป็นค่า เดคลิเนชั่น (Declination- Dec) และ ไรท์แอสเซนชั่น (Right Ascension- R.A) เดคลิเนชั่น (Declination- Dec) เปรียบได้กับละติจูด มีหน่วยเป็นองศา ใช้บอกระยะเชิงมุมของดาวว่าอยู่ห่างจาก เส้นศูนย์สูตรฟ้า ( 0 องศา) ไปทางทิศเหนือ ระหว่าง 0 ถึง +90 องศา หรือ ไปทางทิศใต้ ระหว่าง 0 ถึง –90 องศา เป็นมุมเท่าใด ไรท์แอสเซนชั่น (Right Ascension- R.A) เปรียบได้กับ ลองจิจูด ที่บอกหน่วยเป็น เวลา ชั่วโมง:นาที:วินาที โดยที่ 360 องศามีค่าเท่ากับ 24 ชั่วโมง หรือ 15 องศา มีค่าเท่ากับ 1 ชั่วโมง ในทำนองเดียวกันกับเส้นลองจิจูด จุดเริ่มต้น 0 องศาหรือ 0 ชั่วโมง อยู่ที่เมืองกรีนิช ในประเทศอังกฤษ สำหรับ R.A ค่า 0 องศาหรือ 0 ชั่วโมงจะเริ่มที่จุดอ้างอิง Vernal Equinox (เวอร์นัล อิควินอค) คือจุดที่แนวเส้นEcliptic ตัดกับเส้นศูนย์สูตรฟ้า พอดี ในวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่กลางวันกับกลางคืนยาวเท่ากัน ตรงตำแหน่งกลุ่มดาวปลา (PISCES) แล้วนับไปทางขวามือ (Right) เป็นชั่วโมง นาที วินาที หรือถ้าเราหันหน้า เข้าหาทิศเหนือให้นับไปทางทิศตะวันออก แต่เนื่องจากกลุ่มดาวปลา ไม่ค่อยสว่างบนท้องฟ้าจึงสังเกตลำบาก เราอาจจะให้กลุ่มดาวค้างคาวหาตำแหน่งที่ RA เท่ากับศูนย์ได้เช่นกัน | |||||||||||||||||||
21.corona (โคโลน่า) คือบรรยากาศชั้นนอกสุดของดวงอาทิตย์ มีความหนาแน่นต่ำแต่มีอุณหภูมิสูงมาก ราว 1 ล้านเคลวิน(Kelvin) และแผ่ขยายกว้างไป ในอวกาศได้ไกลเป็นล้านๆ กิโลเมตร เราสามารถเห็นบรรยากาศชั้นโคโลน่าได้ ตอนเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง | |||||||||||||||||||
22.COsmic Background Explorer (COBE) หรือ โคบี เป็นดาวเทียมของนาซ่าที่ส่ง ขึ้นไปเพื่อทำการศึกษา Comic Microwave Background ถูกส่งขึ้นไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 1989 และสิ้นสุดปฏิบัติการตั้งแต่ปี คศ.1993 | |||||||||||||||||||
23.Cosmic Microwave Background หรือรังสีคอสมิคพื้นหลัง เป็นการแพ่รังสีของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเอกภพ ซึ่งแพ่ออกมาทุกทิศทุกทางในอวกาศมีอุณหภูมิราว 2.73 เคลวิน เชื่อว่าเป็นคลื่นพลังงานที่หลงเหลือมาจาก ความร้อนของเอกภพหลังการเกิด BigBang ถูกพบครั้งแรกเมื่อปี คศ.1965 โดย Arno Penzias กับ Robert Wilson จาก Bell Telephone Laboratories การค้นพบในช่วงนั้นมีความยาวคลื่นสั้นมากเป็นไมโครเวฟ ปัจจุบันความยาวคลื่นเพิ่มขึ้นเป็นมิลลิเมตรจากผลของเอกภพขยายตัว แต่ยังคงเรียกว่าเป็นคลื่นไมโครเวฟอยู่ | |||||||||||||||||||
24.Cosmic ray (คอส-มิค-เรย์) เป็นนิวเคลียส์ของอะตอมซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโปรตอน มีพลังงานสูงที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ของดาวฤกษ์ แพร่กระจายไปทั่วจักรวาล แต่จะถูกดูซับไว้ด้วยชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งเห็นได้จากการแตกตัวของอิออนในชั้นบรรยากาศสูงๆ อย่างสตาร์โตสเฟียร์ | |||||||||||||||||||
25.Cosmology (คอส-โม-โล-จี้) วิชาที่ว่าด้วยการศึกษาโครงสร้างของเอกภพ | |||||||||||||||||||
26.Cygnus A แหล่งคลื่นวิทยุความเข้มสูง อยู่นอกกาแลกซี่ทางช้างเผือก บริเวณกลุ่มดาวหงส์ คิดว่าเกิดจากการชนกันของสองกาแลกซี่ | |||||||||||||||||||
27.Cygnus X-1 แหล่งคลื่นรังสีเอ็กซ์เข้มข้นอยู่ในกลุ่มดาวหงส์ (Cygnus) เชื่อว่ามีหลุมดำอยู่ที่นั่น 28.Julian Day (จูเลียน เดย์) เป็นระบบจำนวนวันแบบต่อเนื่องไม่มีการแบ่งเป็นเดือนหรือปี มักใช้ใน ทางดาราศาสตร์คำนวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นบนท้องฟ้า โดยวันที่ 1 January 4713 BC. เวลาเที่ยงวันตามเวลา GMT จะหมายถึงวันที่ 0 ของ julian day แนวคิดนี้ ได้มาจาก นักประดิษฐปฏิทินชาวฝรั่งเศส ชื่อ Joseph Justus Scaliger เมื่อปี คศ.1582 โดยวันที่ 1 มกราคม 1995 เวลา 18.00 น. มีค่าเท่ากับ 2,449,719.25
|
วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ข้อ.3* ศัพท์ดาราสตร์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น